ในปี 2566 กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเริ่มกลับมาสู่สภาวการณ์ปกติ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การส่งเสริมการท่องเที่ยว และการลงทุนพัฒนาโครงข่ายคมนาคมของภาครัฐ ส่งผลดีต่อภาคธุรกิจคมนาคม บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) “BEM” ผู้ให้บริการทางพิเศษและรถไฟฟ้ามีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันจำนวนผู้ใช้บริการทางพิเศษเพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่าก่อนช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะทางพิเศษศรีรัชที่เชื่อมต่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิมีการเติบโตสูงกว่าสายทางอื่นสะท้อนถึงปริมาณการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น เช่นเดียวกับจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ทำสถิติ New High ตลอดทั้งปี โดยได้รับปัจจัยบวกจากการพัฒนาพื้นที่ตลอดแนวสายทาง และการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองซึ่งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีลาดพร้าวทำให้มีการส่งต่อผู้โดยสารระหว่างกัน 

ภาพรวมด้านการเงิน BEM มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งจากกระแสเงินสดรับที่สม่ำเสมอและคาดการณ์ได้ท่ามกลางวิกฤตมลภาวะและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของโลกในปัจจุบัน บริษัทจึงมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG) เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการบริหารการเงินอย่างยั่งยืน ในปีนี้บริษัทได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยมีมูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท ซึ่งประสบความสำเร็จและได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินและนักลงทุนเป็นอย่างดี

ในฐานะบริษัทจดทะเบียนที่มีการบริหารจัดการตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีการส่งมอบบริการที่มีประสิทธิภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ BEM ได้รับคะแนนประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว หรือ ดีเลิศ (Excellent CG Scoring) ติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้รับผลการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating ประจำปี 2566 ในระดับ AA โดยได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในรายชื่อ “หุ้นยั่งยืน” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ในกลุ่มบริการ (Services) และได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ในกลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ รวมทั้งได้รับรางวัลโล่ประกาศเกียรติคุณองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก (Climate Action Leading Organization : CALO) นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับรางวัล Thailand's Top Corporate Brand 2023 บริษัทที่มีแบรนด์องค์กรสูงสุดในหมวดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์        ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4

สำหรับผลประกอบการในปี 2566 BEM ได้สะท้อนถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท ด้วยผลกำไรสุทธิ 3,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 1,000 ล้านบาท โดยคณะกรรมการบริษัทมีมติให้นำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท

ในนามของคณะกรรมการบริษัท ขอขอบคุณผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ทั้งผู้ถือหุ้น  ผู้ใช้บริการทางพิเศษ  ผู้โดยสารรถไฟฟ้า  คู่ค้า หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตลอดจนผู้บริหารและพนักงานทุกคนที่เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทอย่างดีเสมอมา เชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพ ประสิทธิภาพ ความแข็งแกร่งของบริษัท และการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และมีการบริหารงานตามหลักบรรษัทภิบาล จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทได้รับโอกาสทางธุรกิจในการขยายการให้บริการคมนาคมขนส่ง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจบริการคมนาคมขนส่งของประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป